Saturday, July 13, 2013

                                                                  หยิน หยาง กับ โรคภัยไข้เจ็บ 
 
หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ - เปิด 14 สมุนไพรจีน ขจัดพิษรักษาโรคร้อนในยันมะเร็ง ดอกเก็กฮวย-หล่อฮั้งก้วย-ซัวเซียม-เหง็กเต็ก-ชะเอมยอดฮิตกินดับร้อนใน กาฝากต้นหม่อน เพิ่มปริมาณเม็ดเลือดขาว ขณะที่ แปะฮวยจั่วจิเช่า- พั้วกีไน้-โสม-เห็ดหลินจือ-เห็ดหอมป้องกันมะเร็ง เตือน สมุนไพรจีนต้องกินตามหมอจีนสั่ง หรือร้านขายยาสมุนไพรจีนโบราณแนะนำ
       

       กระแสการรักสุขภาพมาแรงมากในช่วงนี้ด้วย โดยเฉพาะชาวจีนให้การยอมรับเรื่องการบริโภค สมุนไพรจีนเพื่อขจัดพิษ หรือล้างพิษที่เกิดขึ้นในร่างกาย วันนี้โรงพยาบาลหลายแห่งในประเทศไทยได้เปิดแผนกแพทย์แผนจีน ซึ่งมีการจ่ายยาสมุนไพรจีนในการรักษาโรค รวมไปถึงมีร้านขายยาสมุนไพรจีนอยู่จำนวนมาก แต่การจะบริโภคสมุนไพรจีนได้อย่างเหมาะสมและถูกต้องนั้นควรอย่างยิ่งต้องรู้จักสมุนไพรจีนตัวใดมีสรรพคุณอย่างไรด้วย
       
       เปิด 13 สมุนไพรจีนฮิตรักษาโรค
       
       วิสุทธิ์ บริณายตานนท์ เถ้าแก่รุ่น 2 ร้านโอสถ ย่ง ซิว ตึ๊ง ไท้เชียง ร้านขายยาจีนโบราณย่านเยาวราช ที่เปิดขายมาประมาณ 80 ปี เปิดเผยว่า สมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นยาของจีนนั้นมีจำนวนมากมาย ตั้งแต่สมุนไพรจีนที่นิยมใช้มาประกอบอาหารไปจนสมุนไพรจีนหายากที่มีฤทธิ์เป็นยา ซึ่งในการนำสมุนไพรจีนมาใช้นั้น จำเป็นจะต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์แผนจีน หรือร้านขายยาสมุนไพรจีนที่มีความชำนาญ เพราะสมุนไพรจีนเพื่อรักษาโรค มักจะต้องใช้ส่วนผสมเป็นสมุนไพรหลายตัว จำนวนมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของแต่ละคนด้วย
       
       สำหรับสมุนไพรจีนขจัดพิษหรือล้างพิษของจีนนั้น ก็มีสรรพคุณรักษาตั้งแต่พิษน้อยๆ อย่างพิษร้อน พิษเย็น ไปจนถึงสมุนไพรที่ช่วยป้องกันมะเร็ง รักษาโรคความดันโลหิต หัวใจ เบาหวาน ฯลฯ
       
       สำหรับพิษร้อนเช่น ร้อนใน เป็นไข้ ไอ มีเสมหะ มีสมุนไพรที่รู้จักกันดีหลายตัว ที่นิยมใช้กันได้แก่ ดอกเก็กฮวย,หล่อฮั้งก้วย,ซัวเซียม,เหง็กเต็ก และชะเอม(กำเช่า)
       
       ‘ดอกเก็กฮวยนั้น ทั้งคนจีนและคนไทยเชื้อสายจีนมักนิยมนำมาทำชา มีสรรพคุณเป็นยาช่วยขับลม รักษาอาการปากแห้ง ร้อนใน นัยน์ตาแห้ง ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคหลายชนิดรวมทั้ง สามารถปรับสมดุลและลดความดันโลหิตในร่างกาย
       
       ‘หล่อฮั้งก้วย มีลักษณะเป็นลูกกลม ชนิดผลใหญ่ ผลกลม เนื้อแน่น เขย่าไม่มีเสียง เปลือกสีเหลืองปนน้ำตาล จะถือว่ามีคุณภาพดี มีรสหวานเป็นพิเศษ มีฤทธิ์เย็น สรรพคุณทางยาแก้ร้อนใน กระหายน้ำ ขับเสมหะ อีกทั้งยังรักษาโรคไอกรน ท้องผูก โรคหลอดลมอักเสบ หืด หอบ ได้อีกด้วย
       
       ‘ซัวเซียม หรือ ปักซัวเซียม มีรสหวานอมขมเล็กน้อย มีฤทธิ์เย็นเล็กน้อย สรรพคุณรักษาอาการไอ ไอเป็นเลือด เจ็บคอ กระหายน้ำ บำรุงกระเพาะอาหาร (ห้ามผู้มีอาการไอเพราะความเย็นรับประทาน)
       
       ‘เหง็กเต็ก หรือไผ่หยก มีลักษณะเป็นไม้ล้มลุก มีใบคล้ายใบไผ่ ปลูกมากที่เหอหนาน เจียงซู เหลียวหนิง และซินซาว มณฑลเจ้อเจียงที่ถือว่ามีคุณภาพดีที่สุด สรรพคุณลดความดันโลหิต กระตุ้นหัวใจ ดับร้อนใน และขับปัสสาวะ
       
       ‘ชะเอม หรือ กำเช่า ใช้ส่วนราก มีรสหวานมีฤทธิ์ปานกลาง สรรพคุณ แก้ร้อนใน แก้โรคกระเพาะอาหาร แก้ไอ รักษาใจสั่น โรคลมชัก แก้อาหารเป็นพิษ มีสาร Glycyrrhizin สามารถดูดซับสารพิษ และจับสารพิษเพื่อขับออกทางตับ อีกทั้งสามารถถอนพิษจากยาฆ่าแมลงได้ด้วย
       
       สมุนไพรร้อนขจัดเย็น
       
       ขณะที่ร่างกายหากมีความเย็นมากเกินไป (หยาง) ก็สามารถใช้ยาสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อนขจัดได้ ที่นิยมและมีชื่อเสียงมากได้แก่ ตังกุย และโสมเกาหลี
       
       ‘ตังกุย มีรสหวานเผ็ด มีฤทธิ์ร้อนเล็กน้อย มักใช้เป็นยาบำรุงเลือด ปรับการไหลเวียนของเลือดให้เป็นปกติ แก้อาการปวดประจำเดือน ประจำเดือนมามาก อาการท้องผูก อีกทั้งมีฤทธิ์กระตุ้นและระงับการทำงานของมดลูกด้วย
       
       ‘โสมเกาหลี มีชื่อเสียงมากในหมู่คนนิยมรับประทานโสม และในหมู่การแพทย์แผนจีนโดยเฉพาะโสมแดง สรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงเลือด เสริมสมรรถภาพทางเพศ ลดน้ำตาลในเลือด รักษาความดันโลหิตสูง เส้นเลือดหัวใจตีบ ตัน (หากมีไข้และท้องผูกไม่ควรรับประทาน)
       
       กาฝากต้นหม่อน เพิ่มเม็ดเลือดขาว
       
       สำหรับโรคต่างๆ นั้น หากเป็นโรคความดันจากไขมัน สมุนไพรที่รักษาได้ดีคือ ซัวจา เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งกินได้ทั้งสดและแห้ง มีรสเปรี้ยวหวาน ฤทธิ์อ่อน มีฤทธิ์ช่วยย่อยอาหาร ขับพยาธิ ท้องร่วง กระตุ้นให้มดลูกเข้าอู่หลังคลอดบุตร ลดความดันโลหิต และลดคลอเรสเตอรอลในเลือด
       
       นอกจากนี้ยังมี กาฝากต้นหม่อน หรือ เช่าเก็ง เป็นยาบำรุงเลือด รักษาโรคหัวใจ ความดัน ไขข้อรูมาติค ที่มีคุณภาพดีมาจากมณฑลกวางสี มีรสขมหวาน ฤทธิ์ปานกลาง เป็นยาบำรุงไต มีฤทธิขับปัสสาวะ ต้านแบคทีเรีย และสามารถเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวซึ่งมีหน้าที่ขจัดสารพิษออกจากร่างกายได้ด้วย
       
       5 สมุนไพรจีนป้องกันมะเร็ง
       
       ส่วนสมุนไพรจีนใช้รักษาโรคมะเร็งเด่นๆ คือ แปะฮวยจั่วจิเช่า หรือ หมากดิบน้ำค้าง พั้วกีไน้ โสม และเห็ดหอม
       
       ‘แปะฮวยจั่วจิเช่า เป็นพืชจำพวกหญ้า มีรสเผ็ดขมนิดๆ ฤทธิ์เย็นไม่มีพิษ สรรพคุณดับร้อนใน ดับพิษ ทำให้เลือดและลำไส้เย็น ลำไส้อักเสป ไทฟอยด์ ไอเพราะปอดร้อน ปวดฟัน และป้องกันมะเร็งได้ (ผู้ที่ธาตุไฟอ่อนห้ามรับประทาน)
       
       ‘พั๊วกีไน้ เป็นยาขับถ่าย ถอนพิษ แก้มะเร็ง โดยคนเป็นมะเร็งสามารถนำมาต้มกินแทนน้ำ กระหายน้ำได้
       
       ‘โสม มีอีกสรรพคุณคือมีสารบางอย่างที่สามารถกำจัดและทำลายพืช รวมไปถึงสิ่งแปลกปลอมที่จะทำให้เซลล์เจริญเติบโตผิดปกติได้ มีฤทธิ์ป้องกันโรคมะเร็ง และยืดอายุผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ส่วนมากมักนำโสมมาใช้ในผู้ป่วยที่เข้ารักษาด้วยวิธีการเคมีบำบัด อีกทั้งเป็นยาอายุวัฒนะอีกด้วย (ควรรับประทานขณะท้องว่าง)
       
       ‘เห็ดหลินจือ หรือ เหล่งจูโกว มีรสหวาน ฤทธิ์ปานกลาง บำรุงแก้อาการอ่อนเพลีย ขับเสมหะ หอบหืด นอนไม่หลับ รักษาโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง ป้องกันโรคตับอักเสบจากการขับสารพิษออกจากร่างกาย และป้องกันมะเร็ง
       
       ‘เห็ดหอม มีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยแพทย์แห่งรัฐเซาท์แคโรไรนา ประเทศสหรัฐอเมริกาและสถาบันมะเร็งแห่งชาติประเทศญี่ปุ่น รายงานว่า เห็ดหอมจะช่วยลดคลอเรสเตอรอลได้ดีเยี่ยม และเห็ดหอมยังมีสารเลนติแนน และสารริทาดินีน ต้านเซลล์มะเร็งได้ด้วย โดยเฉพาะมะเร็งในลำไส้และมะเร็งในกระเพาะอาหาร
       
       อย่างไรก็ดีในการรับประทานยาจีนที่ถูกต้อง ควรมีการต้มตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงขึ้นไป(อยู่ที่ตัวยามากหรือน้อย) และควรรับประทานก่อนอาหาร โดยการต้มด้วยหม้อดินและภาชนะเคลือบจะให้ผลดีมากกว่าภาชนะแสตนเลส ทั้งนี้การรับประทานสมุนไพรจีนเพื่อรักษาโรค จำเป็นต้องให้แพทย์แผนจีนเป็นคนวินิจฉัยตามสภาพร่างกายที่ไม่เหมือนกันในแต่ละคน หรือต้องได้รับคำแนะนำจากร้านยาสมุนไพรจีนโดยเฉพาะ
       
       นอกจากนี้ สามารถหาอ่านข้อมูลสมุนไพรจีนเพิ่มเติมได้จาก ยาจีนและอาหารบำรุงสุขภาพ เรียบเรียงโดยมิ่งมิตร นวรัตน์2542 ,ยาสมุนไพรจีน 100 ชนิด รวบรวมโดย บุญชัย ฉัตตะวานิช,ยาจีน โดย วีระชัย มาศฉมาดล ทัศนีย์ เมฆอริยะ2531 ,มหัศจรรย์แห่งโสม เรียบเรียงโดยนวลปราง ฉ่องใจ2537 ,และจิบชา เพิ่มพลัง ต้นโรค หยุดมะเร็ง เรียบเรียงโดยภานุทรรศน์ 2544 


http://www.jiewfudao.com

ตอน   ดนตรีบำบัด (音乐治疗 : อินเอวี้ย จื้อเหลียว)
กวิน กสิโอฬาร
นักศึกษาคณะการแพทย์แผนจีน
มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ

          


พอบอกว่าจิตวิทยาแพทย์แผนจีน   หลายคนทำหน้าสงสัย   เพราะอาการทางจิตน่าจะมาจากสาเหตุทางสภาพแวดล้อม   ซึ่งสังคมปรัชญาอย่างประเทศจีนน่าจะรวมศาสตร์การดูแลจิตวิญญาณเข้าไปในวิถีชีวิตอยู่แล้ว   ใยต้องมีจิตวิทยาแพทย์แผนจีนอีกนะ?   เพราะเมื่อเทียบกับลัทธิ   ศาสนา   คำสอน   ความเชื่อ   คนในภาคตะวันออกดูมีความจำเป็นน้อยเหลือเกินในการใช้จิตวิทยาทางการแพทย์อีก
แต่ในคนหมู่มาก...ยังมีบ้างไม่ใช่เหรอ   ที่ยังมีปัญหาทางจิตเพราะปัญหาด้านชีวภาพ   หรืออารมณ์เสียสมดุลในบางครั้ง   ดังนั้นเราจึงไม่ทอดทิ้งผู้ป่วยแม้จะเป็นกลุ่มน้อยแค่ไหน
และยิ่งเป็นสังคมปัจจุบัน   ที่มีความเหลื่อมล้ำอย่างชัดเจน   หลายสิ่งหลายอย่างดูเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว   จนทำให้ผู้ที่อาศัยในสังคมมีการแข่งขันและความเคร่งเครียดมากขึ้น   การบำบัดทางจิตวิทยาไม่ว่าจะเป็นของแพทย์แผนไหนก็ล้วนมีความสำคัญแล้วทั้งนั้น

มีอยู่ช่วงหนึ่งที่มีการใช้ดนตรีมาบำบัดรักษาเป็นที่นิยมมาก   ...จนไม่อยากจะคุยว่า   เรื่องการใช้ดนตรีมารักษาอาการทางใจและทางกายน่ะ   แพทย์แผนจีนเองก็มีบันทึกเอาไว้มาตั้งแต่ตำรา “หวงตี้เน่ยจิง” (黄帝内经) ซึ่งนับเป็นปฐมตำราทางการแพทย์แผนจีนที่เขียนไว้ตั้งแต่เมื่อ 2000 กว่าปีก่อนแล้ว  และตำราหวงตี้เน่ยจิงนี้ยังแบ่งเนื้อหาเป็นสองส่วน
ในส่วน “灵枢(หลิงซู)    มีบันทึกไว้ในบทที่ 65 ห้าเสียงห้ารส(五音五味)   ซึ่งอธิบายของลักษณะของมนุษย์กับเสียงและรสชาติทั้งห้าตามทฤษฎีปัญจธาตุ
และส่วนของ   “素问(ซู่เวิ่น)   ในบท 阴阳应象大论 (อินหยางอิงเซี่ยงต้าลุ่น)   และบท 金匮真言论 (จินกุยเจินเหยียนลุ่น)   ซึ่งอธิบายความสัมพันธ์ของอารมณ์กับเสียงดนตรี

การใช้เสียงดนตรีมาบำบัดนั้นเริ่มมาจากทฤษฏีปัญจธาตุ(五行:โหวงเฮ้ง)   ซึ่งได้แยกแยะและจัดสรรพสิ่งเป็นห้าจำพวก

พวกดิน()   คือ   สิ่งที่มีลักษณะอยู่กับที่   หนักแน่น   และเป็นต้นกำเนิดสิ่งต่างๆ   เช่น   อารมณ์ครุ่นคิด   ม้าม   กระเพาะ   ความชื้น

พวกทอง(เหล็ก)()   สิ่งที่มีลักษณะบริสุทธิ์   เช่น   อารมณ์โศกเศร้า   ปอด   ความแห้ง

พวกไม้()   คือ   สิ่งที่มีลักษณะของการขยายแผ่ซ่าน   เช่น   อารมณ์โกรธ   ตับ   ลม

พวกไฟ()   คือ   สิ่งที่มีลักษณะดำเนินทิศสู่เบื้องบน   ร้อน   เช่น   อารมณ์ดีใจ   หัวใจ   ความร้อน

พวกน้ำ()   เช่น   สิ่งที่มีลักษณะทิศสู่เบื้องล่าง   เช่น   อารมณ์กลัว   ตกใจ   ไต   ความหนาวเย็น

แม้กระทั่งเสียงดนตรีก็ยังแบ่งออกเป็นห้าธาตุ           

เสียง  (กง)    จัดเป็นธาตุดิน()  
มีลักษณะเสียงจม   สงบ   ทำนองเดียว   ให้ความรู้สึกแน่นแต่กว้าง   มีอิทธิพลต่อม้าม   เทียบได้กับโน้ตตัวโด

เสียง  (ซัง)    จัดเป็นธาตุทอง() 
 มีลักษณะเสียงสูงก้องกังวาน   ละม้ายเสียงโลหะกระทบกัน   มีอิทธิพลต่อปอด   ให้ความรู้สึกเศร้าแต่มีพลัง   เทียบได้กับโน้ตตัวเรา

เสียง  (เจ๋ย์)   จัดเป็นธาตุไม้()  
มีลักษณะเสียงมีชีวิตชีวา   เบิกบาน   และปลอดโปร่งราวไม้ผลิใบ   ดอกตูมคลี่กลีบ   มีอิทธิพลต่อตับ   เทียบได้กับโน้ตตัวมี

เสียง  (จรือ)  จัดเป็นธาตุไฟ()  
มีลักษณะเสียงอบอุ่น   คึกคัก   มีชีวิตชีวาแต่ก็สบายๆ   ไล่ระดับชัดเจน   มีอิทธิพลต่อหัวใจ   เทียบได้กับโน้ตตัวซอล

เสียง  (อี่ว์)    จัดเป็นธาตุน้ำ() 
 มีลักษณะเสียงสะอาดบริสุทธิ์   นุ่นนวล   ให้ความรู้สึกวิเวกวังเวงและเศร้าสลด   มีอิทธิพลต่อไต  เทียบได้กับโน้ตตัวลา

และนอกจากจะแยกเป็นห้าธาตุแล้ว   ยังแบ่งเสียงเป็น หยินหยาง” (阴阳)อีกด้วย

หยาง() ดัง เร็ว เป็นต้น ใช้รักษาอาการแกร่ง หนาว ภายนอก  เกิดขึ้นเฉียบพลัน
หยิน()  เบา เนิบช้าเป็นต้น ใช้รักษาอาการพร่อง  ร้อน  ภายใน  เป็นมาเรื้อรัง

เมื่อเอาทฤษฎี หยินหยางมาใช้จำแนกกับห้าเสียง   ก็จะได้เสียงอีกสิบอย่าง

ดิน - หยาง                 ดิน - หยิน
ทอง - หยาง               ทอง -หยิน
ไม้ - หยาง                 ไม้ - หยิน
ไฟ - หยาง                 ไฟ - หยิน
น้ำ - หยาง                 น้ำ - หยิน

ตามการรักษาสุขภาพด้วยดนตรีของแพทย์แผนจีนนั้นจะใช้กฎการข่มของทั้งห้าธาตุมาใช้
เช่น   ดินข่มน้ำ   น้ำข่มไฟ   ไฟข่มทอง   ทองข่มไม้   ไม้ข่มดิน

เมื่อผนวกการ หยินหยางก็จะใช้ทำนอง หยินในโรค หยาง” (หยางแกร่ง,หยินพร่อง)   และใช้ทำนอง หยางในโรค หยิน”(หยินแกร่ง,หยางพร่อง)
เปิดฟังวันละ 2-3 ครั้ง   ครั้งละ 30 นาที(ดีที่สุดคือ 70 นาที หรือ 1 ชั่วโมง 10 นาที)   ในห้องเงียบๆ เป็นส่วนตัว   หรือใส่หูฟัง   ขณะที่กำลังบำบัดปล่อยให้เพลงที่เลือกไว้เล่นไปเรื่อยๆ   ไม่ควรปรับเปลี่ยนเพลงตามใจชอบยกเว้นว่าเกิดความเบื่อหน่าย


ตัวอย่าง การนำไปใช้เบื้องต้น

คนที่รู้ตัวว่าเกิดโทสะง่าย   จนอาจมีอาการแน่นที่หัวใจหรือศีรษะ   แสดงถึงภาวะ หยางตับกระแทกด้านบน   ก็อาจจะเลือกเพลงที่เน้นโน้ตตัวซอล   หรือมีเครื่องดนตรีที่ก่อเสียงคล้ายโลหะกระทบกัน   หรือมีเสียงสูงก้องกังวาน   ในทำนองที่เนิบช้า   เพราะเสียงเหล่านี้จัดเป็นธาตุ ทองหยิน ข่มความโกรธที่เป็นธาตุไม้

แต่ถ้าหากมีอาการอึดอัด   แน่น   ถอนหายใจบ่อย   แสดงถึงภาวะชี่ของตับอุดตัน   ก็ต้องใช้เพลงที่เน้นโน้ตตัวมี   ในทำนองรื่นเริง   เร็ว   ที่สามารถระบายตับปรับชี่มาฟังร่วมกับโน้ตตัวซอล

เด็กเล็กๆ ตื่นกลัวหรือมีปัสสาวะรดที่นอน   ขาดความมั่นใจ   ใจสั่นรัว   ตื่นเต้นง่าย   แสดงถึงชี่ไตไม่ขึ้นไปรำงับไฟหัวใจ   ก็อาจเปิดเพลงที่เน้นตัวโน้ตโด   หรือเสียงที่ฟังดูหนักแน่น   มีพลังที่เล่นในจังหวะร่าเริงให้เขาฟัง   เพราะเสียงเหล่านี้เป็นธาตุ ดินหยางข่มความกลัวที่เป็นธาตุน้ำ   และธาตุดิน(ม้าม)ยังมีทิศวิ่งขึ้นพยุงรั้งชี่ไตไว้ไม่ให้ตกสู่เบื้องล่างด้วย

คนที่ดีใจมากไปจนหัวใจเต้นเร็วแรง   ก็เหมาะกับเพลงที่เน้นโน้ตตัวลา   ในทำนองเนิบช้า   ผ่อนคลาย   เพราะเสียงเป็นธาตุ น้ำหยิน ข่มความดีใจที่เป็นธาตุไฟ   และที่สำคัญคือมีจังหวะที่ไม่เร็ว  เพราะคนเราเมื่อรับฟังจังหวะใดเกินสามนาทีขึ้นไป   จังหวะหัวใจก็มักจะเต้นตามจังหวะดนตรีนั้นๆ

แต่ไม่ว่าจะเลือกเพลงแบบไหนมาใช้   สิ่งสำคัญคือผู้ฟังพร้อมหรือไม่   เราอาจเปิดเป็นบรรยากาศได้   แต่ไม่สามารถมาบังคับให้เขาฟังได้   ถ้าเจ้าตัวยังไม่ยอมรับว่าตนเองกำลังอยู่ในภาวะนั้น   หรือรู้ตัวดีว่าเป็นอะไรแต่ยังต่อต้านการรักษาด้วยวิธีนี้   รวมทั้งผู้ที่ยังไม่เปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำให้ตัวเองเกิดอารมณ์นั้นๆ
ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วอะไรก็คงยากที่จะช่วยเขาได้   เพราะต้องไม่ลืมว่า   “แพทย์ที่ดีที่สุดของเราก็คือตัวเราเอง

แหล่งข้อมูล

ตำรา   中医心理学   (主编/董湘玉,人民卫生出版社)
ตำรา   黄帝内经   (主编/谢华,中医古籍出版社)



เผย ‘14 สมุนไพรจีนขจัดพิษดับอาการร้อนในจนถึงโรคมะเร็ง 
หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ - เปิด 14 สมุนไพรจีน ขจัดพิษรักษาโรคร้อนในยันมะเร็ง ดอกเก็กฮวย-หล่อฮั้งก้วย-ซัวเซียม-เหง็กเต็ก-ชะเอมยอดฮิตกินดับร้อนใน กาฝากต้นหม่อน เพิ่มปริมาณเม็ดเลือดขาว ขณะที่ แปะฮวยจั่วจิเช่า- พั้วกีไน้-โสม-เห็ดหลินจือ-เห็ดหอมป้องกันมะเร็ง เตือน สมุนไพรจีนต้องกินตามหมอจีนสั่ง หรือร้านขายยาสมุนไพรจีนโบราณแนะนำ
       

       กระแสการรักสุขภาพมาแรงมากในช่วงนี้ด้วย โดยเฉพาะชาวจีนให้การยอมรับเรื่องการบริโภค สมุนไพรจีนเพื่อขจัดพิษ หรือล้างพิษที่เกิดขึ้นในร่างกาย วันนี้โรงพยาบาลหลายแห่งในประเทศไทยได้เปิดแผนกแพทย์แผนจีน ซึ่งมีการจ่ายยาสมุนไพรจีนในการรักษาโรค รวมไปถึงมีร้านขายยาสมุนไพรจีนอยู่จำนวนมาก แต่การจะบริโภคสมุนไพรจีนได้อย่างเหมาะสมและถูกต้องนั้นควรอย่างยิ่งต้องรู้จักสมุนไพรจีนตัวใดมีสรรพคุณอย่างไรด้วย
       
       เปิด 13 สมุนไพรจีนฮิตรักษาโรค
       
       วิสุทธิ์ บริณายตานนท์ เถ้าแก่รุ่น 2 ร้านโอสถ ย่ง ซิว ตึ๊ง ไท้เชียง ร้านขายยาจีนโบราณย่านเยาวราช ที่เปิดขายมาประมาณ 80 ปี เปิดเผยว่า สมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นยาของจีนนั้นมีจำนวนมากมาย ตั้งแต่สมุนไพรจีนที่นิยมใช้มาประกอบอาหารไปจนสมุนไพรจีนหายากที่มีฤทธิ์เป็นยา ซึ่งในการนำสมุนไพรจีนมาใช้นั้น จำเป็นจะต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์แผนจีน หรือร้านขายยาสมุนไพรจีนที่มีความชำนาญ เพราะสมุนไพรจีนเพื่อรักษาโรค มักจะต้องใช้ส่วนผสมเป็นสมุนไพรหลายตัว จำนวนมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของแต่ละคนด้วย
       
       สำหรับสมุนไพรจีนขจัดพิษหรือล้างพิษของจีนนั้น ก็มีสรรพคุณรักษาตั้งแต่พิษน้อยๆ อย่างพิษร้อน พิษเย็น ไปจนถึงสมุนไพรที่ช่วยป้องกันมะเร็ง รักษาโรคความดันโลหิต หัวใจ เบาหวาน ฯลฯ
       
       สำหรับพิษร้อนเช่น ร้อนใน เป็นไข้ ไอ มีเสมหะ มีสมุนไพรที่รู้จักกันดีหลายตัว ที่นิยมใช้กันได้แก่ ดอกเก็กฮวย,หล่อฮั้งก้วย,ซัวเซียม,เหง็กเต็ก และชะเอม(กำเช่า)
       
       ‘ดอกเก็กฮวยนั้น ทั้งคนจีนและคนไทยเชื้อสายจีนมักนิยมนำมาทำชา มีสรรพคุณเป็นยาช่วยขับลม รักษาอาการปากแห้ง ร้อนใน นัยน์ตาแห้ง ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคหลายชนิดรวมทั้ง สามารถปรับสมดุลและลดความดันโลหิตในร่างกาย
       
       ‘หล่อฮั้งก้วย มีลักษณะเป็นลูกกลม ชนิดผลใหญ่ ผลกลม เนื้อแน่น เขย่าไม่มีเสียง เปลือกสีเหลืองปนน้ำตาล จะถือว่ามีคุณภาพดี มีรสหวานเป็นพิเศษ มีฤทธิ์เย็น สรรพคุณทางยาแก้ร้อนใน กระหายน้ำ ขับเสมหะ อีกทั้งยังรักษาโรคไอกรน ท้องผูก โรคหลอดลมอักเสบ หืด หอบ ได้อีกด้วย
       
       ‘ซัวเซียม หรือ ปักซัวเซียม มีรสหวานอมขมเล็กน้อย มีฤทธิ์เย็นเล็กน้อย สรรพคุณรักษาอาการไอ ไอเป็นเลือด เจ็บคอ กระหายน้ำ บำรุงกระเพาะอาหาร (ห้ามผู้มีอาการไอเพราะความเย็นรับประทาน)
       
       ‘เหง็กเต็ก หรือไผ่หยก มีลักษณะเป็นไม้ล้มลุก มีใบคล้ายใบไผ่ ปลูกมากที่เหอหนาน เจียงซู เหลียวหนิง และซินซาว มณฑลเจ้อเจียงที่ถือว่ามีคุณภาพดีที่สุด สรรพคุณลดความดันโลหิต กระตุ้นหัวใจ ดับร้อนใน และขับปัสสาวะ
       
       ‘ชะเอม หรือ กำเช่า ใช้ส่วนราก มีรสหวานมีฤทธิ์ปานกลาง สรรพคุณ แก้ร้อนใน แก้โรคกระเพาะอาหาร แก้ไอ รักษาใจสั่น โรคลมชัก แก้อาหารเป็นพิษ มีสาร Glycyrrhizin สามารถดูดซับสารพิษ และจับสารพิษเพื่อขับออกทางตับ อีกทั้งสามารถถอนพิษจากยาฆ่าแมลงได้ด้วย
       
       สมุนไพรร้อนขจัดเย็น
       
       ขณะที่ร่างกายหากมีความเย็นมากเกินไป (หยาง) ก็สามารถใช้ยาสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อนขจัดได้ ที่นิยมและมีชื่อเสียงมากได้แก่ ตังกุย และโสมเกาหลี
       
       ‘ตังกุย มีรสหวานเผ็ด มีฤทธิ์ร้อนเล็กน้อย มักใช้เป็นยาบำรุงเลือด ปรับการไหลเวียนของเลือดให้เป็นปกติ แก้อาการปวดประจำเดือน ประจำเดือนมามาก อาการท้องผูก อีกทั้งมีฤทธิ์กระตุ้นและระงับการทำงานของมดลูกด้วย
       
       ‘โสมเกาหลี มีชื่อเสียงมากในหมู่คนนิยมรับประทานโสม และในหมู่การแพทย์แผนจีนโดยเฉพาะโสมแดง สรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงเลือด เสริมสมรรถภาพทางเพศ ลดน้ำตาลในเลือด รักษาความดันโลหิตสูง เส้นเลือดหัวใจตีบ ตัน (หากมีไข้และท้องผูกไม่ควรรับประทาน)
       กาฝากต้นหม่อน เพิ่มเม็ดเลือดขาว
       สำหรับโรคต่างๆ นั้น หากเป็นโรคความดันจากไขมัน สมุนไพรที่รักษาได้ดีคือ ซัวจา เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งกินได้ทั้งสดและแห้ง มีรสเปรี้ยวหวาน ฤทธิ์อ่อน มีฤทธิ์ช่วยย่อยอาหาร ขับพยาธิ ท้องร่วง กระตุ้นให้มดลูกเข้าอู่หลังคลอดบุตร ลดความดันโลหิต และลดคลอเรสเตอรอลในเลือด
       
       นอกจากนี้ยังมี กาฝากต้นหม่อน หรือ เช่าเก็ง เป็นยาบำรุงเลือด รักษาโรคหัวใจ ความดัน ไขข้อรูมาติค ที่มีคุณภาพดีมาจากมณฑลกวางสี มีรสขมหวาน ฤทธิ์ปานกลาง เป็นยาบำรุงไต มีฤทธิขับปัสสาวะ ต้านแบคทีเรีย และสามารถเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวซึ่งมีหน้าที่ขจัดสารพิษออกจากร่างกายได้ด้วย
      
       5 สมุนไพรจีนป้องกันมะเร็ง       
       ส่วนสมุนไพรจีนใช้รักษาโรคมะเร็งเด่นๆ คือ แปะฮวยจั่วจิเช่า หรือ หมากดิบน้ำค้าง พั้วกีไน้ โสม และเห็ดหอม    
       ‘แปะฮวยจั่วจิเช่า เป็นพืชจำพวกหญ้า มีรสเผ็ดขมนิดๆ ฤทธิ์เย็นไม่มีพิษ สรรพคุณดับร้อนใน ดับพิษ ทำให้เลือดและลำไส้เย็น ลำไส้อักเสป ไทฟอยด์ ไอเพราะปอดร้อน ปวดฟัน และป้องกันมะเร็งได้ (ผู้ที่ธาตุไฟอ่อนห้ามรับประทาน)    
       ‘พั๊วกีไน้ เป็นยาขับถ่าย ถอนพิษ แก้มะเร็ง โดยคนเป็นมะเร็งสามารถนำมาต้มกินแทนน้ำ กระหายน้ำได้       
       ‘โสม มีอีกสรรพคุณคือมีสารบางอย่างที่สามารถกำจัดและทำลายพืช รวมไปถึงสิ่งแปลกปลอมที่จะทำให้เซลล์เจริญเติบโตผิดปกติได้ มีฤทธิ์ป้องกันโรคมะเร็ง และยืดอายุผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ส่วนมากมักนำโสมมาใช้ในผู้ป่วยที่เข้ารักษาด้วยวิธีการเคมีบำบัด อีกทั้งเป็นยาอายุวัฒนะอีกด้วย (ควรรับประทานขณะท้องว่าง)       
       ‘เห็ดหลินจือ หรือ เหล่งจูโกว มีรสหวาน ฤทธิ์ปานกลาง บำรุงแก้อาการอ่อนเพลีย ขับเสมหะ หอบหืด นอนไม่หลับ รักษาโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง ป้องกันโรคตับอักเสบจากการขับสารพิษออกจากร่างกาย และป้องกันมะเร็ง       
       ‘เห็ดหอม มีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยแพทย์แห่งรัฐเซาท์แคโรไรนา ประเทศสหรัฐอเมริกาและสถาบันมะเร็งแห่งชาติประเทศญี่ปุ่น รายงานว่า เห็ดหอมจะช่วยลดคลอเรสเตอรอลได้ดีเยี่ยม และเห็ดหอมยังมีสารเลนติแนน และสารริทาดินีน ต้านเซลล์มะเร็งได้ด้วย โดยเฉพาะมะเร็งในลำไส้และมะเร็งในกระเพาะอาหาร       
       อย่างไรก็ดีในการรับประทานยาจีนที่ถูกต้อง ควรมีการต้มตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงขึ้นไป(อยู่ที่ตัวยามากหรือน้อย) และควรรับประทานก่อนอาหาร โดยการต้มด้วยหม้อดินและภาชนะเคลือบจะให้ผลดีมากกว่าภาชนะแสตนเลส ทั้งนี้การรับประทานสมุนไพรจีนเพื่อรักษาโรค จำเป็นต้องให้แพทย์แผนจีนเป็นคนวินิจฉัยตามสภาพร่างกายที่ไม่เหมือนกันในแต่ละคน หรือต้องได้รับคำแนะนำจากร้านยาสมุนไพรจีนโดยเฉพาะ
       นอกจากนี้ สามารถหาอ่านข้อมูลสมุนไพรจีนเพิ่มเติมได้จาก ยาจีนและอาหารบำรุงสุขภาพ เรียบเรียงโดยมิ่งมิตร นวรัตน์2542 ,ยาสมุนไพรจีน 100 ชนิด รวบรวมโดย บุญชัย ฉัตตะวานิช,ยาจีน โดย วีระชัย มาศฉมาดล ทัศนีย์ เมฆอริยะ2531 ,มหัศจรรย์แห่งโสม เรียบเรียงโดยนวลปราง ฉ่องใจ2537 ,และจิบชา เพิ่มพลัง ต้นโรค หยุดมะเร็ง เรียบเรียงโดยภานุทรรศน์ 2544
โจ๊กดอกไม้ Description: article
จิรวรรณ  จิรันธร
โจ๊กดอกไม้
                โจ๊กดอกไม้ เป็น 1 ในอาหารเสริมความงามในศาสตร์ของแพทย์แผนจีน ซึ่งปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มชาวจีนที่ต้องการรักษาสุขภาพและผิวพรรณ โดยเชื่อว่าหากรับประทานโจ๊กดอกไม้สดบ่อย ๆ จะช่วยให้ระบบเส้นประสาทต่าง ๆ ทำงานได้ดี ช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย  เสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย และสำหรับผู้ที่อยู่ในช่วงการลดน้ำหนัก เชื่อว่าจะช่วยให้ผิวพรรณได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ ไม่ทำให้ดูโทรม
                เมื่อเรารู้ว่าโจ๊กดอกไม้ มีประโยชน์ต่อร่างกายและช่วยเสริมสร้างความงามดังนี้แล้ว ผู้เขียนจึงไม่ลืมที่จะนำสูตรโจ๊กดอกไม้มาฝากให้ลองทำรับประทานกันดู ขอบอกว่าไม่ยาก ทำง่ายและน่าสนใจอย่างมากค่ะ
              โจ๊กดอกเบญจมาศ หรือดอกเก๊กฮวย
                ดอกเก๊กฮวยมีกลิ่นหอมสดชื่น ยิ่งนำข้าวใหม่มาทำเป็นโจ๊ก  ยิ่งสามารถดูดซึมสารอาหารหรือสารที่มีประโยชน์จากดอกเก๊กฮวยได้ดียิ่งขึ้น  ส่งผลให้ผิวพรรณแลดูอ่อนเยาว์ เปล่งปลั่งอยู่เสมอ นอกจากประโยชน์ที่มีต่อผิวพรรณความงามแล้ว โจ๊กดอกเก๊กฮวยยังมีส่วนช่วยระบบไหลเวียนของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ  บำรุงสายตา และลดอาการปวดบวม เมื่อยลาของสายตาได้อีกด้วย
วิธีทำ       เด็ดก้านดอกเบญจมาศหรือดอกเก๊กฮวยออก แล้วนำไปตากแห้ง หลังจากนั้นบดจนเป็นผงละเอียด   ใช้ข้าวใหม่ต้มเป็นโจ๊กในปริมาณข้าว 50-100 กรัม เมื่อโจ๊กสุกได้ที่ให้นำผงดอกเก๊กฮวยในปริมาณ 10-15 กรัม เติมลงไป แล้วต้มต่ออีก1-2 นาที หรือหากสะดวกใช้ดอกเก๊กฮวยตากแห้งสำเร็จรูป ให้ใช้สัดส่วนดอกเก๊กฮวยแห้ง 60 กรัมต่อ ข้าว 100 กรัม วิธีง่าย ๆ คือ  หลังจากที่ล้างดอกเก็กฮวยเรียบร้อยแล้ว ให้นำดอกเก๊กฮวยไปต้มทำเป็นน้ำแกงก่อน  หลังจากนั้นเติมข้าวที่เตรียมไว้ลงไปต้มพร้อมกัน โดยเปิดไฟแรง พอเดือด ให้ใช้ไฟอ่อน ค่อย ๆ ต้มไปเรื่อย ๆ กระทั้งได้โจ๊กดอกเก๊กฮวยที่มีกลิ่นหอมชวนรับประทาน
    
โจ๊กดอกเบญจมาศ หรือดอกเก๊กฮวย    

โจ๊กดอกกะหล่ำ
                โจ๊กดอกกะหล่ำเป็นโจ๊กที่มีกลิ่นหอมรสชาติถูกปาก หากรับประทานบ่อย ๆ จะมีสรรพคุณช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย ลำไส้ใหญ่ทำงานสะดวก และการไหลเวียนของเลือด ส่งผลให้ผิวพรรณเกลี้ยงเกลาละเอียดผ่องใสแลดูสุขภาพดี อีกทั้งยังมีสรรพคุณช่วยในการขับสารพิษออกจากตับและไต อีกด้วย
วิธีทำ       นำดอกกะหล่ำสด 50 กรัม ต่อข้าวใหม่ 50-100 กรัม  เติมน้ำตาลทรายแดงในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ควรมากเกินไปหรือน้อยจนไม่ได้รสชาติ เติมน้ำในปริมาณ 500 กรัมแล้วใช้ไฟอ่อนในการต้มโจ๊ก ขณะที่กำลังรอให้โจ๊กข้นนั้น ให้เติมน้ำมันพืชลงไปเล็กน้อยเพื่อดูว่าโจ๊กนั้นได้ที่แล้วหรือยัง หากได้ที่แล้วจะปรากฏน้ำมันลอยขึ้นมาให้เห็น

                                                        
                                     ดอกกะหล่ำ                                                                 โจ๊กดอกกะหล่ำ        
โจ๊กดอกบัว           
                นำข้าวสารใหม่ 100 กรัมมาต้มกระทั้งสุกเป็นโจ๊ก หลังจากนั้นให้นำเมล็ดดอกบัวและกลีบดอกบัวที่ล้างสะอาดใส่ลงไปในหม้อ แล้วต้มต่อเนื่องไปอีก 10 นาทีก็จะได้โจ๊กดอกบัวสีเขียวมรกตชวนรับประทาน
     หากรับประทานโจ๊กดอกบัวบ่อย ๆจะมีสรรพคุณช่วยขับไขมันและสิ่งสกปรกบริเวณผิวหน้า ทำให้ลดอัตราการเกิดสิว ผิวพรรณกระจ่างใสแก้มเป็นสีชมพูเรื่อ ๆ  
                                                

                                   ดอกบัว                                                                โจ๊กดอกบัว

    โจ๊กดอกกุหลาบ
                กล่าวกันว่าหากรับประทานโจ๊กดอกกุหลาบติดต่อกันในระยะเวลายาวนาน  จะช่วยกระตุ้นระบบการไหลเวียนของเลือด ส่งผลให้ผิวพรรณมีสีออกแดงเรื่อ ๆ ละเอียดเกลี้ยงเกลา แลดูสุขภาพดี อีกทั้งยังมีสรรพคุณช่วยรักษาโรคกระเพาะที่เกิดจากความเครียดได้อีกด้วย
            การเลือกดอกกุหลาบที่จะนำมาทำโจ๊กนั้น ควรเลือกดอกตูมที่ยังไม่บาน เพราะสารอาหารที่มีประโยชน์จะยังคงอยู่ครบ วิธีทำ ให้นำข้าวสารใหม่ต้มให้สุกเป็นโจ๊ก หลังจากนั้นนำดอกกุหลาบที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในปริมาณที่พอเหมาะ ต้มต่อไปกระทั้งโจ๊กเริ่มออกสีแดงอ่อน จึงจะสามารถตักออกมารับประทานได้ 
                                    
                     ดอกกุหลาบ                                                                                   โจ๊กดอกกุหลาบ
โจ๊กดอกมะลิ
                โจ๊กดอกมะลิจะมีรสชาติหวาน กลิ่นหอมสดชื่น ขณะรับประทานจะรู้สึกชุ่มคอเป็นอย่างมาก สำหรับผู้ที่ผิวแห้ง โจ๊กดอกมะลิยังมีสรรพคุณช่วยคืนความชุ่มชื้นสู่ผิว  ชะลอการเกิดริ้วรอย ทำให้แลดูอ่อนเยาว์เสมออีกด้วย
วิธีทำ       นำข้าวสารใหม่ปริมาณ 100 กรัม มาต้มให้สุกเป็นโจ๊ก หลังจากนั้นใส่ดอกมะลิแห้งลงไปในปริมาณ 3-5 กรัม ต้มต่อเนื่องอีก5-10 นาที ก็จะได้โจ๊กดอกมะลิกลิ่นชวนรับประทาน
                            

                                                โจ๊กดอกมะลิ


            ลองทำรับประทานดูน่ะค่ะ เพื่อสุขภาพและผิวพรรณที่ดูดีขึ้น แถมยังห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บอีกด้วย
ดอกไม้สด.. กับผิวพรรณความงามของสตรี Description: article
 จิรวรรณ จิรันธร     
       การแพทย์แผนจีนโบราณ หรือ TCM (Traditional Chinese Medical) เป็นระบบบำบัดรักษาความเจ็บป่วยที่ละเอียดลึกซึ้ง ด้วยวิธีทางธรรมชาติ ปัจจุบันได้รับการยอมรับไปทั่วโลก ผู้บำบัดด้วยวิธีการแพทย์สาขาจีน มีทั้งชาวจีนย้ายถิ่น และแพทย์ชาวต่างชาติที่เดินทางไปศึกษาวิชาการแพทย์แผนจีนมาจากประเทศจีนโดยตรง การตรวจร่างกายเพื่อวินิจฉัยโรค จะต้องกระทำโดยการซักประวัติผู้ป่วย การสังเกตวิเคราะห์ส่วนต่างๆของร่างกาย การสัมผัส และการจับจังหวะชีพจร ซึ่งทั้งหมด ต้องอาศัยความละเอียดลออและความชำนาญพิเศษ ส่วนการรักษาจะประกอบด้วย การเลือกอาหาร การนวด การฝังเข็ม การดื่มชาสมุนไพรต่างๆ รวมทั้งยาจากสัตว์ด้วย
       ปัจจุบันกำลังได้รับความสนใจจากนักวิจัยชาวตะวันตกอย่างกว้างขวาง ไม่เว้นแม้แต่ในแถบเอเชียตะวันตกเฉียงใต้อย่างประเทศไทยเราเองก็มีการเปิดสอนในหลักสูตรปริญญาตรีหรือใบประกาศนียบัตรสาขาการแพทย์แผนจีนกันอย่างแพร่หลาย และเป็นที่ประจักษ์มากขึ้นเรื่อยๆว่า การบำบัดรักษาด้วยวีธีการแพทย์แผนจีนมีประสิทธิภาพสูง และสามารถรักษาอาการของโรคบางโรค ที่แพทย์แผนปัจจุบันยังไม่พบวิธีรักษาได้
      พี่จิ๋วจึงขอหยิบยกการรักษาและการดูแลผิวพรรณตามศาสตร์แพทย์แผนจีน โดยใช้ดอกไม้สดที่มีอยู่ตามธรรมชาติ มาให้น้อง ๆ ได้ศึกษาไปด้วยกัน
ดอกท้อ
นานมาแล้วที่ชาวจีนโบราณได้ค้นพบคุณค่าของดอกท้อในการทำยาและทำเครื่องสำอางค์เสริมความงาม จากตำรา สมุนไพรเทพการเกษตรได้มีการบันทึกไว้ว่า สีสันของดอกท้อนั้นมีประโยชน์ต่อมนุษย์เป็นอย่างมากและจากบันทึก โครงร่างและรายละเอียดตำรายาสมุนไพรกล่าวไว้ว่า ให้นำดอกท้อที่มีอายุ 3 เดือน 3 วัน และนำเลือดไก่ที่มีอายุ 7 เดือน 7 วัน มาผสมกันแล้วพอกบริเวณใบหน้า หลังจากนั้น 2-3 วันให้ลอกออก จะทำให้ใบหน้าของท่านแลดูกระจ่างใส
                                    
                   ดอกท้อ                               ดอกป๋ายจื่อ                           ดอกมะลิ
ในระหว่างเทศกาลเชงเม้ง เป็นช่วงเวลาที่ดอกท้อตูมยังไม่บาน ให้เก็บดอกท้อมา 250 กรัม ป๋ายจื่อ 30 กรัม ใช้เหล้าขาว 1000 มิลลิลิตร ผสมน้ำผึ้ง หมักกับดอกท้อและป๋ายจื่อทิ้งไว้ 30 วัน ทุกวันเช้าเย็นให้ดื่มครั้งละ 15 ถึง 30 มิลลิลิตร ในขณะเดียวกันให้เทเหล้าลงบนฝามือ แล้วใช้มือทั้งสองข้างถูจนกระทั้งรู้สึกว่าฝามือร้อน แล้วถูบริเวณใบหน้าที่เป็นฝ้า กระดำ และรอยหมองคล้ำ กรรมวิธีดังกล่าวนับเป็นการรักษาผิวพรรณที่เห็นผลอีกวิธีหนึ่ง
ป๋ายจื่อ
(สมุนไพรชนิดหนึ่งของจีน ออกดอกสีขาวผลยาวรี รากใช้ทำยา สามารถระงับความเจ็บปวดได้) ปัจจุบันนักวิจัยเภสัชวิทยาชาวจีนค้นพบว่า ในดอกท้อ ประกอบด้วยวิตามิน และ Trace element นานาชนิด ที่มีส่วนช่วยฟื้นฟูและป้องกันการเกิดฝ้า จุดด่างดำ รอยตีนกา และป้องกันผิวหน้าแห้งกร้าน อีกทั้งยังมีสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายรวมอยู่ด้วย ซึ่งสารเหล่านี้มีส่วนช่วยในการกระตุ้นระบบหมุนเวียนของหลอดเลือด ต่าง ๆ ส่งผลให้ผิวพรรณมีน้ำมีนวล ชุ่มชื่นอยู่เสมอ
ดอกมะลิ
ดอกมะลินับว่าเป็นดอกไม้ที่ชาวจีนโบราณนิยมนำมาทำเครื่องสำอางอีกชนิดหนึ่ง สตรีสมัยซ่ง เอวี๋ยน หมิง ชิงและหนานกั๋ว นิยมนำดอกมะลิมาทำเป็นมงกุฎดอกไม้ เครื่องประดับตกแต่งทรงผม เครื่องสำอางประเภทน้ำมันใส่ผม และแป้งทาหน้า โดยมากนิยมนำมาทำเป็นน้ำหอม จากบันทึก โครงสร้างสมุนไพรของนาย หลี่สือเจิน กล่าวไว้ว่า ให้นำน้ำที่ได้จากไอระเหยของ น้ำมันที่ใส่ดอกมะลิ มาใส่ผมเป็นประจำทุกวันจะทำให้ผมนุ่มสลวยและมีกลิ่นหอม
ดอกพลัม
มากจากต้นพลัมซึ่งเป็นไม้ผลชนิดหนึ่ง ใบไม้เป็นลักษณะรูปไข่ ดอกสีขาว ผลเป็นรูปกลม สีเหลืองหรือสีแดงอ่อน พบเจอมากในประเทศจีน ดอกไม้ชนิดนี้กล่าวกันว่าหากนำมาทาหน้าเป็นประจำ จะทำให้ใบหน้าขาวสะอาด สามารถรักษาสิวได้
นายแพทย์แผนจีน หลี่เห่อเหยินได้นำไข่ไก่ ผสมกับดอกพลัม พบว่าสามารถรักษาจุดด่างดำบนใบหน้าให้ค่อย ๆ เลือนหายไปได้เช่นกัน หรือหากนำมาสกัด เป็นเหล้า ซึ่งมีชื่อว่า เหล้าจู้เซ่อก็จะสามารถรักษาอาการเบื่ออาหาร ทำให้เจริญอาหารได้
                  
              ดอกป๋ายจื่อ                             ดอกกุหลาบ                            ดอกซิ่ง
ดอกกุหลาบ
กล่าวกันว่าพระนางซูสีไทเฮา จะใช้ชาด (ชาด คือเครื่องสำอางที่นำมาทาปาก หรือแก้มให้เป็นสีแดง) ที่ทำมาจากดอกกุหลาบ หรือไม่ก็นำดอกกุหลาบมาเป็นส่วนผสมในการทำรองพื้น มีวิธีทำง่าย ๆ มาบอกให้ลองทำกัน นำกลีบกุหลาบมาแช่ลงในน้ำส้มสายชู 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นนำมากรอง แล้วเติมน้ำสะอาดลงไปเพิ่มเติมในปริมาณที่พอเหมาะ เราก็จะได้เครื่องสำอางน้ำดอกกุหลาบมาครอบครอง วิธีใช้ ให้นำน้ำดอกกุหลาบมาล้างหน้าถูลำคอทุกเช้าเย็น จะทำให้ผิวพรรณสะอาดหมดจด ไร้สิว ลดรอยแผลเป็นบนใบหน้า หากใช้ระยะยาวจะทำให้ผิวพรรณอ่อนนุม สดใส โดยทั่วไปจะเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหน้ามัน

ดอกซิ่ง
ดอกซิ่ง หรือในภาษาจีนแต้จิ๋วเรียกว่า ดอกเหง ต้นซิ่งเป็นพันธุ์ไม้ยืนต้นชนิดหนึ่งจีน ใบไม้เป็นลักษณะกว้างรูปไข่ ดอกเพศเดียว มีสีขาวหรือสีชมพู ผลของมันเป็นลูกกลม เมื่อสุกแล้วจะเป็นสีแดงอมเหลืองรสเปรี้ยวและหวาน ดอกซิ่งมีประโยชน์ต่อผิวพรรณเป็นอย่างมากสามารถขจัดสิ่งตกค้างบริเวณใบหน้าได้ ในสมัยซ่ง มีการนำดอกซิ่งหรือดอกเหงและดอกท้อมาล้างหน้าเพื่อรักษาผิวหน้าตกกระ ดอกซิ่งยังมีส่วนช่วยยับบั้งแบคทีเรียที่เกิดขึ้นบริเวณผิวหนังได้อีกด้วย
    หากน้อง ๆ สนใจลองทำเครื่องสำอางค์จากดอกไม้ใช้กันดูน่ะค่ะ เพราะเป็นวิธีตามธรรมชาติ และประหยัดไม่ต้องเสียค่าเครื่องสำอางค์ราคาเป็นพัน แต่ก่อนทำแนะนำว่าให้ล้างดอกไม้ให้สะอาดก่อนเพราะดอกไม้ปัจจุบันฉีดยาฆ่าแมลงกันเยอะ ไม่เหมือนดอกไม้ของเมื่ออดีตกาล
ที่มาจาก http://cm.39.net/ และ www.shaoyi.5u.com






จากเว็บhttp://www.jiewfudao.com/



2 comments:

  1. A writer should always try to keep its writing very simple and clear. Always use facts which are easily acceptable by general people because they are very close to their assumptions and they welcome such kind of facts.เห็ด หลิน จื อ ราคา

    ReplyDelete
  2. I am thankful for this blog to gave me much knowledge regarding my area of work. I also want to make some addition on this platform which must be in knowledge of people who really in need. Thanks.
    ประโยชน์ ของ เห็ด หลิน จื อ

    ReplyDelete